ข้อดี
1. ช่วย สร้างความมั่นใจและความพร้อมในการสอบ
เพราะอาจารย์ที่โรงเรียนกวดวิชามักจะรวบรวมเทคนิคต่างๆ
ในการทำข้อสอบโดยยึดแนวข้อสอบของปีที่ผ่านๆ
มาให้นักเรียนฝึกทำโดยจัดทำเป็นรูปเล่มสวยงาม พกพาสะดวก
ทำให้นักเรียนคุ้นเคยกับโจทย์และรู้แนวข้อสอบที่จะออกในครั้งต่อไป
นอกจากนี้อาจสอนตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน (Basic Concepts)
อย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่ใช่แต่สอนกลเม็ด (Tricks)
เพื่อใช้สอบอย่างเดียวเพราะสามารถนำไปใช้ในห้องเรียนปกติ
และเพื่อศึกษาต่อได้
2.
ทำให้มีความรู้และประสบการณ์กว้างขวางขึ้นโดยเน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ยกตัวอย่างเช่น อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ Passage เรื่องยุง
ซึ่งจะให้เกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ
ว่าคนที่ผอมมักโดนยุงกัดมากกว่าคนอ้วนเพราะยุงจะมีคลื่นจับความร้อน ดังนั้น
คนอ้วนที่มีไขมันมากเมื่อยุงเข้ามาใกล้จึงไม่ได้รับความร้อนเท่าคนผอม
ซึ่งความรู้ใหม่ๆ หลายอย่าง
ที่ได้รับสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
3. ช่วย
ในการทบทวนวิชาที่เรียนมาตลอดทั้งปีเพราะในการเรียนกวดวิชานั้น
อาจารย์จะทบทวนบทเรียนเก่าๆ
ที่ผ่านมาทำให้นักเรียนได้ฟื้นความรู้และทักษะต่างๆ ในบทเรียนที่สำคัญๆ
และยังได้เรียนบทเรียนใหม่ๆ ล่วงหน้าก่อนที่จะต้องเรียนที่โรงเรียนอีกด้วย
4. ช่วย ให้คะแนนสอบดีขึ้น
ซึ่งแน่นอนหากมาเรียนกวดวิชาจะต้องได้ทบทวนความรู้เก่าและได้รับความรู้
ใหม่ๆ นักเรียนสามารถนำไปใช้ในการทำข้อสอบเพื่อเพิ่มคะแนนได้มากขึ้น
ทั้งข้อสอบที่โรงเรียนและข้อสอบระดับชาติ
5. อาจารย์ผู้สอนมีความเป็นกันเองกับนักเรียนมากกว่าครูอาจารย์ที่โรงเรียน
ทำให้กล้าคุยกล้าซักถามปัญหาการเรียนได้ตลอด
เพราะครูกวดวิชามักไม่มีช่องว่างระหว่างวัย (Generation Gap)
6. วุฒิ
การศึกษาของอาจารย์ที่โรงเรียนกวดวิชาส่วนใหญ่มักจะเป็นอาจารย์ที่จบการ
ศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ
และมีคะแนนระดับเกียรตินิยมทั้งระดับปริญญาตรี โท
เอกรวมทั้งมีประสบการณ์การสอนมายาวนาน มีภาพลักษณ์ทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ
7. บรรยากาศ ในการเรียนกวดวิชาแตกต่างจากที่โรงเรียน
เพราะอาจารย์ที่สอนกวดวิชามักแทรกมุกตลก หรือ
เรื่องเล่าที่เป็นประโยชน์อยู่เสมอ
ทำให้นักเรียนเรียนแล้วไม่เกิดความเครียด ศ.นพ.ประเวศ วะสี
เคยกล่าวว่าบรรยากาศในห้องเรียนมัธยมไทยเต็มไปด้วยความเครียด
กวดวิชาจึงมีส่วนเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้โดยตรง
8. ได้รู้ความก้าวหน้าของเพื่อนต่างโรงเรียนว่ามีพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งจะช่วยเป็นแรงกระตุ้นในการเตรียมสอบได้มากขึ้น
9. ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนใหม่ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ทัศนคติ
และประสบการณ์ต่างๆ ร่วมกันจนบางครั้งคบกันจนเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลย
ข้อเสีย
1. นักเรียนบางคนไม่ตั้งใจที่จะเรียนกวดวิชา
แต่ใช้การกวดวิชาเป็นข้ออ้างในการออกจากบ้านเพื่อไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนใน
สถานที่ต่างๆ ทำให้ไม่เกิดประโยชน์ในการเรียนกวดวิชา
และโรงเรียนกวดวิชาส่วนมากไม่มีระบบในการตรวจนับหรือติดตามนักเรียนทำให้นัก
เรียนที่ไม่อยากเรียนสามารถโดดเรียนได้ง่าย
2. นักเรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการเรียนกวดวิชา
ซึ่งโรงเรียนกวดวิชาบางแห่งเก็บค่าเรียนแพงมากอย่างไม่สมเหตุผล
และยังเก็บค่าหนังสือเรียนเพิ่มอีกต่างหาก ทำให้ผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี
ไม่สามารถเรียนได้
ลักษณะเช่นนี้นักการศึกษาบางคนจึงมองว่าความรู้ที่ได้รับจากโรงเรียนกวดวิชา
เป็นความรู้ที่ฟุ่มเฟือย
ไม่จำเป็นต้องเรียนกวดวิชาก็ได้และการเรียนกวดวิชาเป็นกิจกรรมของเด็กเปี่ยม
โอกาส มีเงินมากกว่าจึงทำให้เก่งกว่า พฤติกรรมของโรงเรียนกวดวิชาเหล่านี้
จึงถูกสังคมประนามว่ามุ่งธุรกิจ ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม
3. กวดวิชาสอนสูตรลัดเพียงเพื่อให้ทำข้อสอบคัดเลือกได้ แม้จะเป็นสูตรลัดผิดๆ
ที่ไม่สามารถใช้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ก็มั่วสอน
อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายคนไม่ยอมรับสูตรลัดเหล่านั้น
จึงให้นักศึกษาทำข้อสอบด้วยการให้แสดงวิธีแบบอัตนัย
ทำให้สูตรลัดใช้ไม่ได้ผล
4. โรงเรียนกวดวิชายังมีการปฏิรูปการเรียนรู้น้อยมากซึ่งไม่เน้นการสอนแบบผู้
เรียนเป็นศูนย์กลาง (Child-Centered) ส่วนใหญ่เป็นการเรียนในห้องแคบๆ
คนเรียนเป็นร้อยๆ คน บางครั้งก็ต้องดูผ่านทางทีวีวงจรปิด หรือ
เรียนจากเทปบันทึกการสอนทำให้นักเรียนไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนสอนได้เลย
คนสอนเป็นยิ่งกว่าดาราทีวีที่นักเรียนไม่เคยเจอตัวจริงเลย
5. การว่าการกวดวิชาไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมและทัศนคติของนัก
เรียนได้ กวดวิชาถูกกล่าวหาว่าการที่นักเรียนมาพบเจอกัน
เรียนด้วยกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงจะไม่สามารถเกิดพลวัตรของกลุ่ม
ไม่เรียนรู้ปรับตัวซึ่งกันและกัน ไม่มีเพื่อน มีแต่คนเคยเห็นหน้า
6. ผู้บริหารและครูสอนกวดวิชาส่วนใหญ่ขาดความรู้ด้านการบริหารการศึกษา
และมักมุ่งหวังแต่กำไรของธุรกิจเป็นสำคัญ
พอเริ่มมีชื่อเสียงดังขึ้นมาก็ขึ้นค่าเรียนอย่างรวดเร็วรับนักเรียนไม่จำกัด
ให้นั่งเรียนอย่างเบียดเสียด
กอบโกยกำไรมหาศาลพร้อมกับการขยายสาขาด้วยการเปิด VDO ให้เด็กดู100%
ตลอดหลักสูตร กระทำผิดกฏเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการหลายข้อ ขาดความรับผิดชอบ
ไร้จรรยาบันโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของการศึกษาที่มีต่อการพัฒนาคน
ประเทศและสังคม
จาก ข้อดีข้อเสียข้างต้น
จะพบว่านักเรียนที่เรียนกวดวิชาอาจจะได้ประโยชน์จากโรงเรียนกวดวิชามากกว่า
ข้อเสีย
ซึ่งในสังคมส่วนมากมักจะมองโรงเรียนกวดวิชาในแง่ลบว่าเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้น
โดยอาศัยช่องว่างทางการศึกษาและไม่รับผิดชอบต่อสังคม
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
เพราะในบางโรงเรียนนั้นผู้บริหารก็มิได้มองการกวดวิชาในแง่ผลประโยชน์ของ
ธุรกิจแต่อย่างเดียว
จาก
การสำรวจโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งพบว่า
เจ้าของโรงเรียนอาจจะได้รับเงินค่าเรียนกวดวิชาเป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อหักในส่วนของค่าใช้จ่ายออกแล้วก็ไม่ได้รับส่วนที่เป็นกำไรเท่าใดนัก
เพราะในการตั้งโรงเรียนกวดวิชานั้นมีค่าใช้จ่ายสูง
ทั้งงบลงทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ซึ่งในบางครั้งเด็กนักเรียนบางคนที่ต้องการเรียนกวดวิชาแต่ขาดทุนทรัพย์
ทางโรงเรียนก็ให้สมัครเรียนฟรี โดยมิได้คิดค่าใช้จ่ายใดๆ
โดยเฉพาะกับเด็กที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
หรือบางคอร์สเรียนค่าเรียนก็ถูกมากเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ตั้งใจเรียน
แต่มีความสามารถทางเศรษฐกิจน้อย
ได้มีโอกาสได้เรียนกวดวิชาที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับนักเรียนที่ผู้ปกครองมี
ฐานะดี ซึ่งเป็นการลดช่องว่างทางการศึกษา
หรือช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมในที่สุด
รัฐจึงไม่ควรมองว่าปัญหาการศึกษามาจากการกวดวิชาอย่างเดียวเพราะตัวเลขจำนวน
นักเรียนที่กวดวิชาเทียบไม่ได้เลยกับตัวเลขของนักเรียนในระบบทั่วประเทศ
จะแก้ปัญหาการศึกษาควรแก้ที่ระบบ เช่น การพัฒนาครู
ระบบฝึกอบรมบุคลากรที่มีประสิทธิผล ระบบค่าตอบแทน สวัสดิการ
วิธีการพิจารณาความดีความชอบ และการประเมินผลการปฏิบัติงานของครูในระบบ
ปัญหาการศึกษาของไทยมีมากและซับซ้อน ไม่ใช่แค่เรื่องกวดวิชา จำไว้ว่า
“มีปัญหาอย่าโทษแต่กวดวิชา”
การถอนใบอนุญาตโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศจะไม่ได้ช่วยทำให้เยาวชนไทยฉลาดขึ้น แต่จะมีส่วนทำให้เด็กไทยโง่เท่าเทียมกัน
ที่มา eduzones
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น