การศึกษาของไทยหากใครมีเงินมากกว่าย่อมได้เปรียบ เลือกเรียนที่ใดก็ได้
หากเรียนไม่เก่งก็เรียนพิเศษเพิ่มในสถาบันกวดวิชาในที่สุดก็จะสามารถเรียน
เก่งได้ เพราะทำข้อสอบได้ และถึงแม้จะมีเงินพร้อม
บางครั้งก็เรียนในโรงเรียนกวดวิชาไม่ได้เพราะที่นั่งเต็มแม้แต่คอร์สที่
เรียนกับวิดีโอ เมื่อความต้องการเรียนพิเศษเพิ่มมากขึ้น
จึงทำให้สถาบันกวดวิชาด้านต่างๆ ขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่สอนด้านวิชาการ
สำหรับคนที่ต้องการเรียนที่บ้าน ก็สามารถหาติวเตอร์มาสอนให้ได้แบบตัวต่อตัว
ผ่านเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก
จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
พบว่าประเทศไทยมีกลุ่มโรงเรียนกวดวิชาทั้งหมด 1,983 แห่ง
อยู่ในกรุงเทพมหานคร 487 แห่ง และต่างจังหวัด 1,496 แห่ง ใน 74 จังหวัด
ยกเว้นหนองบัวลำพู ปัตตานี และนราธิวาส
สำหรับโรงเรียนกวดวิชาในต่างจังหวัด มักกระจุกตัวอยู่ในเขตปริมณฑล
จังหวัดขนาดใหญ่ หรือจังหวัดหัวเมืองของภูมิภาค
ที่สำคัญคือจะมีมากที่สุดในเขตอำเภอเมืองของแต่ละจังหวัด
ซึ่งจังหวัดที่มีโรงเรียนกวดวิชามากที่สุด 10 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ
ชลบุรี สงขลา นนทบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ ลพบุรี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา
และนครปฐม โดย 10 จังหวัดนี้มีโรงเรียนกวดวิชารวมกัน 1,031 แห่ง
หรือร้อยละ 69 ของโรงเรียนทั้งหมดที่ยื่นขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบกับ
สช.เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ
มีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 149 แห่ง
สังกัดกรุงเทพมหานคร 430 แห่ง และอื่นๆ อีกรวม 686 แห่ง
แต่มีโรงเรียนกวดวิชาครบทั้ง 50 เขต จำนวน 487 แห่ง หรือประมาณร้อยละ 71
ของโรงเรียนในกรุงเทพฯ
ซึ่งสถาบันกวดวิชาเหล่านี้ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
ทั้งจากการขยายสาขาและเปิดโรงเรียนกวดวิชาใหม่
แต่สำหรับนักเรียนมัธยมปลายนั้น
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้เรียนคอร์สที่ต้องการ
โดยเฉพาะคอร์สแอดมินชันหรือติวเข้าสอบมหาวิทยาลัยที่เป็นคอร์สสด เช่น
โรงเรียนกวดวิชาอาจารย์ปิง (สอนภาษาไทยและสังคม) สาขาเยาวราช (คอร์สสด)
นักเรียนหลายคนต้องรอธนาคารเปิดเพื่อให้ได้โอนเงินเป็นคนแรกในวันแรกที่เปิด
สมัครเรียน เพราะการได้โอนเงินเป็นคนที่ 2 บ่อยครั้งพบว่า คอร์สเต็มแล้ว
เรามักได้ยินเสมอว่า คนจนมักเข้าไม่ถึงการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์
แต่สำหรับการศึกษาในโรงเรียนกวดวิชานั้น
ทุกคนล้วนมีทุนทรัพย์และต้องแข่งขันกันเสียเงิน ใครจ่ายก่อนก็ได้เรียน
นี่อาจคือเหตุผลที่ว่าทำไมโรงเรียนกวดวิชาถึงเติบโตเร็วและกระจุกตัวอยู่แต่
ในเมือง และที่สำคัญคือ “ธุรกิจการศึกษาไม่ต้องเสียภาษี” ทำให้หลายๆ คนหันมาเป็นคุณครูเจ้าของโรงเรียนกวดวิชา
นอกจากโรงเรียนกวดวิชาด้านวิชาการแล้ว
ยังมีโรงเรียนกวดวิชาด้านการสร้างเสริมทักษะชีวิตด้วย เช่น
โรงเรียนพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทางสมอง (ควอลิตี้ คิดส์/เบรนฟิตเนส)
โรงเรียนภาษาอังกฤษพิงกุ ฯลฯ
ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพทางสมอง จินตนาการ และทางกายภาพ
ซึ่งเริ่มในเด็กอายุ 3-12 ปี นั่นหมายความว่าเด็กทุกวัยได้เรียนพิเศษแน่ๆ
โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีโรงเรียนสอน
การเติบโตของสถาบันการศึกษานอกห้องเรียนดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการศึกษาในโรงเรียนไม่เพียงพอให้เด็กและผู้ปกครองก้าว
สู่อนาคตที่ต้องการได้ หากเรียนเพื่อเพิ่มเกรด
นั่นอาจหมายถึงเรียนในโรงเรียนแล้วไม่เข้าใจ หากติวเพื่อสอบเข้า
นั่นอาจหมายถึงเด็กและผู้ปกครองให้ความสำคัญกับข้อสอบและการทำข้อสอบได้
มากกว่าเนื้อหาทั้งหมดที่ควรรู้
หรือตลอดเวลาที่เรียนมาเด็กไม่รู้และไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียน
จึงไม่สามารถมาประยุกต์ใช้เพื่อทำข้อสอบได้
ที่มา http://thaipublica.org/2013/03/tutorial-critical-study-of-thailand/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น