วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรียนกวดวิชาของเด็กไทยดีจริง หรือเครียดหนัก

เรียบเรียงโดย teen.mthai.com
Image

เรียนกวดวิชาของเด็กไทยดีจริง หรือเครียดหนัก 

ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ระดับอุดมศึกษาแถลงผลสำรวจความคิดเห็นต่อการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนของนักเรียน นักศึกษาไทยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ศ.ศรีศักดิ์กล่าวสรุปว่าจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,116 คน นั้นในด้านข้อมูลทางประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 51.16 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 48.84 เป็นเพศชาย ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 38.08 และร้อยละ 33.51 มีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 14 ถึง 16 ปีและ 17 ถึง 18 ปีตามลำดับ และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบ เท่าซึ่งคิดเป็นร้อยละ 41.4
ในด้านพฤติกรรมการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.29 ระบุว่าเคยเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนในปีการศึกษาก่อนหน้า ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างถึงประมาณสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 66.04 ระบุว่าในปีการศึกษา พ.ศ. 2557 นี้ตนเองจะเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียน ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 33.96 ระบุว่าจะไม่เรียน
สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่าตั้งใจจะเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนนั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 54.68 ตั้งใจจะเรียนกวดวิชาที่สถานกวดวิชาเป็นการเฉพาะรองลงมาคือให้ครูอาจารย์มา สอนที่บ้านคิดเป็นร้อยละ 22.93
ส่วนวิชาที่กลุ่มตัวอย่างตั้งใจจะเรียนในการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนสูงสุด 5 วิชา ได้แก่
ภาษาไทย คิดเป็นร้อยละ 83.04
สังคมศึกษา คิดเป็นร้อยละ 81.55
ภาษาอังกฤษ คิดเป็นร้อยละ 79.65
คณิตศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 76.66
และเคมีคิดเป็นร้อยละ 73.68
นอก จากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตั้งใจจะเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนประมาณ 3 – 5 วันต่อสัปดาห์ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 46.68 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างเกือบหนึ่งในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 30.66 ตั้งใจจะเรียน 6 – 7 วันต่อสัปดาห์ และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 43.01 ตั้งใจจะเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนทั้งวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) และวันหยุด (เสาร์-อาทิตย์)
20140604-1401891652.93-9
เรียนกวดวิชาของเด็กไทยดีจริง หรือเครียดหนัก
สำหรับสาเหตุสำคัญสูงสุด 5 อันดับที่กลุ่มตัวอย่างตั้งใจจะเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนในปีการศึกษา 2557 นี้ ได้แก่
เตรียมความพร้อมเพื่อการสอบในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 82.5
ไม่เข้าใจที่ครูอาจารย์สอนในชั้นเรียน คิดเป็นร้อยละ 80.87
สิ่งที่เรียนในชั้นเรียนยังไม่เพียงพอ คิดเป็นร้อยละ 78.29
เพื่อนฝูงชักชวนให้เรียนด้วยกัน คิดเป็นร้อยละ 76.26
และต้องการให้ผลการเรียนดีขึ้น คิดเป็นร้อยละ 73.27
ส่วนสาเหตุสำคัญที่กลุ่มตัวอย่างไม่เรียนกวดวิชานอกเวลาเรียน 5 อันดับสูงสุดได้แก่
อยากพักผ่อนหลังเวลาเรียนปกติ/วันหยุด คิดเป็นร้อยละ 82.85
ขี้เกียจเรียน คิดเป็นร้อยละ 81.53
ไม่ชอบการเรียนกวดวิชา คิดเป็นร้อยละ 77.84
สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย คิดเป็นร้อยละ 75.99
และไม่มีเพื่อนเรียนด้วย คิดเป็นร้อยละ 70.45
สำหรับความคิดเห็นต่อการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 47.94 และร้อยละ 45.88 มีความคิดเห็นว่าการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนจะช่วยให้นักเรียนนักศึกษาทำ ข้อสอบในวิชานั้นๆ ได้คะแนนดีขึ้นได้จริงและจะช่วยทำให้นักเรียนนักศึกษามีทักษะความรู้ในวิชา นั้นๆ เพิ่มขึ้นได้จริง ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าการเรียนกวดวิชานอกเวลา เรียนทำให้นักเรียนนักศึกษามีสมาธิในการเรียนในชั้นเรียนน้อยลงซึ่งคิดเป็น ร้อยละ 48.03 ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 47.13 เห็นด้วยว่าการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนทำให้นักเรียนนักศึกษาให้ความสนใจ กับการทำกิจกรรมในชั้นเรียนน้อยลง นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือคิดเป็นร้อยละ 56.45 ไม่เห็นด้วยว่าการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนทำให้นักเรียนนักศึกษาใช้เวลาทำ กิจกรรมอื่น ๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น เล่นเกม เที่ยวเตร่ น้อยลง
ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างถึงครึ่งหนึ่งหรือคิดเป็นร้อยละ 50.81 มีความคิดเห็นว่า
“การ เรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนจะส่งผลให้นักเรียนนักศึกษามีความเครียดมากขึ้น ส่วนกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 52.06 มีความคิดเห็นว่าการเรียนกวดวิชานอกเวลาเรียนจะส่งผลให้นักเรียนนักศึกษามี เวลาพักผ่อนน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าการเรียนกวดวิชานอก เวลาเรียนมีความจำเป็นสำหรับนักเรียนนักศึกษาซึ่งคิดเป็นร้อยละ 47.22″
ข้อมูล ทั้งหมดนี้ ไม่ได้สรุปว่าน้องๆ ควรจะเรียนกวดวิชา หรือไม่ควรเรียนนะคะ แต่เป็นการสำรวจความคิดน้องๆ บางส่วน ดังนั้นน้องๆ แต่ละคนต้องรู้ว่าหน้าที่ของเราคืออะไร และสนใจอยากรู้ อยากศึกษา อยากเรียนอะไรเพิ่มเติม ทีนเอ็มไทยเชื่อว่า หากน้องๆ มีความตั้งใจและสนใจ รักหรือชอบกับสิ่งนั้นๆ จริง ก็จะไม่มีอุปสรรคใดมาขวางความสำเร็จทางการศึกษาของเราได้แน่นอนค่ะ

ข้อมูลจาก  matichon/ eduzones

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น